เมื่อพูดถึง “เนื้อวัว” หลาย ๆ คนคงนึกถึง “เนื้อวัวออสเตรเลีย” ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของคุณภาพ และได้รับการยอมรับจากเชฟในร้านอาหาร ภัตตาคาร หรือแม้แต่เชฟมิชลิน และเหล่าบรรดานักชิมทั่วโลก
“ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์” และ “ความใส่ใจในการเลี้ยง” คือหัวใจสำคัญของการผลิตเนื้อวัวออสเตรเลีย ที่นำไปสู่การเป็นวัตถุดิบระดับโลก…
จุดได้เปรียบหลักที่ขาดไม่ได้ของเนื้อวัวออสเตรเลียคือ การทำปศุสัตว์ที่ดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ โดยมีการเลี้ยงดูอยู่ 2 แบบ ซึ่งส่งผลให้ลักษณะของเนื้อแตกต่างกันไป ได้แก่
การเลี้ยงด้วยหญ้าตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นทุ่งหญ้าแบบเกษตรอินทรีย์ ไม่มีการใช้สารเคมี เป็นหญ้าที่เติบโตด้วยดินคุณภาพ ทำให้วัวได้รับอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ส่งผลให้มีสัดส่วนไขมันและคอเลสเตอรอลต่ำโดยธรรมชาติ ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้นและนุ่มนวล
การเลี้ยงด้วยธัญพืชในสารอาหารที่สมดุล ทำให้วัวมีลักษณะที่แน่นอน คือมีระดับไขมันแทรกอยู่ตามกล้ามเนื้อเหมือนลายหินอ่อน หรือที่เรียกกันว่า “Marbling Score” เช่น เนื้อวากิว และเนื้อสันคอออสเตรเลีย เป็นต้น โดยชั้นไขมันลายหินอ่อนจะช่วยเพิ่มความชื้นและเพิ่มรสชาติให้กับเนื้อวัว เมื่อปรุงแล้วจะช่วยให้เนื้อมีความชุ่มฉ่ำมากยิ่งขึ้น ยิ่งเนื้อวัวเกรดสูงก็จะยิ่งมีชั้นไขมันลายหินอ่อนแทรกตัวอยู่หนาแน่นมาก
นอกจากนี้ออสเตรเลียยังมีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นเกาะ ซึ่งช่วยป้องกันโรคติดต่อในสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจุดสำคัญอีกอย่างในการผลิต คือการใช้กระบวนการแปรรูปเนื้อวัวให้น้อยที่สุด และลดการเติมสารปรุงแต่งต่าง ๆ ซึ่งส่งผลให้เนื้อวัวมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และมีรสชาติที่เข้มข้นตามธรรมชาติ
เนื้อวัวสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเมนูยอดนิยมอย่างสเต๊ก เนื้อตุ๋น เนื้อวัวสไลด์ เนื้อบด ฯลฯ ยกตัวอย่างในเมนูอาหารเม็กซิกันอย่าง ทาโก้ เบอร์ริโต้ และนาโช่ ก็มีการนำเนื้อวัวมาบด และนำไปผสมกับวัตถุดิบอื่น ๆ ในเมนูเหล่านั้น ซึ่งการนำเนื้อวัวเข้ามาเป็นส่วนประกอบ จะช่วยชูรสชาติของอาหารให้มีความหอม เข้มข้น และมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น
