ชีส (Cheese) เป็นวัตถุดิบที่สำคัญในอาหารสไตล์ตะวันตกที่มีมาอย่างช้านานกว่า 6,000 ปีเลยทีเดียว ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สามารถทานเดี่ยว ๆ ก็ได้ หรือจะนำไปรับประทานคู่กับเมนูต่าง ๆ ก็ยิ่งช่วยชูรสชาติได้เป็นอย่างดี
ชีสเป็นผลิตภัณฑ์จากนมชนิดหนึ่งหรือที่ในภาษาอังกฤษเรียกกันว่า Dairy Products โดยชีสทำมาจากน้ำนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อย่างเช่น นมวัว นมแพะ หรือนมแกะ เป็นต้น โดยการนำน้ำนมดิบมาผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรส์และใส่เชื้อแบคทีเรียลงไป จากนั้นจึงเติมเอนไซม์ที่เรียกว่า เรนเนท (Rennet) ลงไปเพื่อให้โปรตีนในน้ำนมจับตัวเป็นก้อน ซึ่งชีสแต่ละชนิดจะมีวิธีการบ่มตามอุณหภูมิ ความชื้น ประเภทของแบคทีเรีย และระยะเวลาการบ่มที่แตกต่างกันออกไป จึงทำให้เกิดชีส กว่า 3,000 ชนิดทั่วโลกในปัจจุบัน
ชีสที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายคือ มอสซาเรลล่าชีส (Mozzarella Cheese) และเชดดาร์ชีส (Cheddar Cheese)
“มอสซาเรลล่า VS เชดดาร์”
ความแตกต่างอย่างลงตัว
มอสซาเรลล่าชีส (Mozzarella Cheese) มีแหล่งผลิตจากประเทศอิตาลี เป็นชีสสดที่ไม่ผ่านการบ่ม กลิ่นไม่แรง มีลักษณะเฉพาะคือความเบาบาง ยืด เหนียว และนุ่ม ทำให้เกิดรสชาติที่พอดี ไม่เค็ม และกลายเป็นชีสที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เราอาจเห็นมอสซาเรลล่าชีสได้บ่อย ๆ จากเมนูอย่าง พิซซ่า (Pizza) , เคซาดิย่า (Quesadilla) หรือลาซานญ่า (Lasagna) เป็นต้น
เชดดาร์ชีส (Cheddar Cheese) ชีสที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ มีลักษณะเป็น Semi-Hard Cheese หรือชีสกึ่งแข็ง ไม่ยืดเมื่อโดนความร้อน มีสีออกเหลืองน่ารับประทาน โดยในกระบวนการผลิตจะมีการเติมเกลือลงไป ทำให้มีรสชาติออกเค็ม มักนิยมนำมาประกอบในเมนูอย่าง แฮมเบอร์เกอร์ (Hamburger), แซนวิช (Sandwich) หรือนำมาละลายและทานคู่กับ นาโช่ ชิปส์ (Nacho Chips) เป็นต้น
มอสซาเรลล่าชีส และ เชดดาร์ชีส มีความแตกต่างกันทั้งในด้านแหล่งผลิต กระบวนการผลิต ลักษณะ สี รสชาติ รวมถึงการนำไปใช้ในเมนูต่าง ๆ แต่ในบางสูตรก็มีการนำชีสทั้งสองชนิดมาใส่ในเมนูเดียวกัน อย่าง 4 เมนูเด็ดจากทาโก้ เบลล์ (Taco Bell) ได้แก่ ทาโก้ (Taco), นาโช่ (Nachos), เคซาดิย่า (Quesadilla) และ เบอร์ริโต้ (Burrito) ซึ่งเมื่อนำชีสทั้งสองชนิดมาผสมผสานกันแล้ว จะได้รสชาติเค็มจากเชดดาร์ชีส พร้อมเนื้อสัมผัสที่นุ่มและยืดจากมอสซาเรลล่า ประกอบกันเป็นรสชาติที่อร่อยกลมกล่อมอย่างลงตัว